วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

ตำรวจขอคืนพื้นที่สาธารณะจากวัดพระธรรมกาย ทำได้หรือ ? ใครคือเจ้าทุกข์ !!!?


 ​​​​​คนสองยุค  ตอนที่ 1
-----------------------------------------------
​ผมเกิดพุทธศตวรรษที่24 ในยุคถิ่นกาขาว มีความรู้กฎหมายไทยพื้นฐานเหมือนทุกท่านที่ต้องรู้   มีใบอนุญาตให้เป็นทนายความ แต่ไม่ประกอบอาชีพทนายความ 

สาเหตุที่ศึกษากฎหมายเพราะได้อ่านหนังสือพบ หลักกฎหมายไทยว่า “ความไม่รู้กฎหมาย จะอ้างเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้” แม้จะมีข้อยกเว้นบางประการให้ยกขึ้นอ้างได้และพิสูจน์ได้ว่าไม่รู้กฎหมายจริง ก็เป็นเหตุให้เพียงลดโทษเท่านั้น  ศาลจะไม่ลงโทษเลยไม่ได้ 


​สรุป คือจะรู้กฎหมายหรือไม่ก็ตาม 
หากกระทำความผิดต้องถูกลงโทษ  
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก 

จึงต้องศึกษากฎหมายไว้ป้องกันตัว
และให้เป็นวิทยาทานแก่คนที่ไม่รู้

​...........................................

มาถึงพุทธศตวรรษที่ 25 ยุคชาวศิวิไลซ์ในปัจจุบัน  จากข่าวสารต่างๆที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่า  มีการนำกฎหมายมาใช้ในลักษณะแปลกๆไม่เหมือนในอดีต และเป็นข้อกฎหมายที่ใกล้ตัวเราทุกคน ที่อาจเกิดกับคนทั่วไปอย่างเราๆได้ทุกเมื่อ โดยอาจกระทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเหตุใดก็ตาม ก็ต้องถูกลงโทษอยู่ดี ตามหลักกฎหมายไทย ที่กล่าวมาแล้ว 


จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนเรื่องนี้ขึ้น
โดยอาศัยข้อมูลจากข่าวสาร
ที่เผยแผ่ทั่วไปในปัจจุบัน


***  อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยผมมีความรู้ทางกฎหมายในเบื้องต้นเท่านั้น หากความเห็นใดๆที่นำเสนอไปไม่ชอบโดยข้อกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงไปหรือเกิดจากความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ผมขอรับคำชี้แนะจากผู้รู้ทุกท่านด้วย เพื่อประดับสติปัญญาและเป็นวิทยาทานแก่ประชาชนทั่วไปด้วยนะครับ  ***


​วันนี้ข่าวที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่รู้กันทั่วไปทั่วโลกเพราะมีการลงในสื่อมากมายและเป็นมานานซึ่งจะทำให้ทุกคนเข้าใจความเป็นมาได้ง่ายคือข่าวของวัดพระธรรมกาย 


ผมจะขอเริ่มด้วยการ


ขอคืนพื้นที่สาธารณะ
ของตำรวจจากวัดพระธรรมกาย  

เพราะบังเอิญผมมีทีดินติดถนนสาธารณะอยู่แปลงหนึ่งและเชื่อว่าหลายท่านคงอาจสนใจเรื่องนี้เพราะโดยปกติที่ดินติดถนนสาธารณะหรือพื้นที่สาธารณะย่อมเป็นที่ดินที่สวยงาม ใช้ประโยชน์ได้มาก และมีลักษณะพิเศษในตัวที่อาจทำให้เราทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัวได้ครับ

     ​จากข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ที่เขียนว่า มีนายตำรวจผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเปิดเผยถึง กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 กว่า 5 กองร้อย และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังขอคืนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกายตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ว่า “วันนี้เป็นปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ทางสาธารณะที่อยู่ในบริเวณใกล้กับวัดพระธรรมกาย ตามที่เจ้าหน้าที่ธนารักษ์จังหวัดได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ”

​คำว่าพื้นที่ทางสาธารณะทำให้นึกถึงทีดินติดถนนสาธารณะของผมเอง และเมื่อดูคำให้สัมภาษณ์แล้วคิดว่า  คดีบุกรุกที่สาธารณะที่ทำให้ตำรวจต้องมาขอพื้นที่คืนต้องเป็นคดีที่มีความผิดร้ายแรงมีโทษสูงมากทีเดียว   เพราะต้องใช้กำลังตำรวจในการขอคืนพื้นที่มากกว่า 5 กองร้อย  และยังมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ  พร้อมกำลังทหารอีกต่างหาก

​สงสัยไหมครับว่า กำลังกว่า 5 กองร้อยมากแค่ไหน เท่าที่รู้มาเขาคิดอย่างนี้ครับ การจัดกำลังพลของทหาร 1 กองร้อยมีทหาร 176 คน ถ้าเป็นตำรวจ 1 กองร้อย จะมีตำรวจ 150 คน ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทั่วไปหาดูได้ตามสื่อครับ

​จากข่าวการให้สัมภาษณ์ซึ่งไม่แน่ชัดว่าใช้กำลังส่วนไหนเท่าไหร่ เอาเป็นว่าใช้ตำรวจ 5 กองร้อยตามที่นายตำรวจใหญ่ให้สัมภาษณ์มาก็แล้วกัน  ทำให้ คำนวณเฉพาะกำลังตำรวจ ได้ (5*150) 750 คน ไม่รวมส่วนที่มากกว่า และเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ กับทหารนะครับ   

เรื่องบุกรุกที่ดินสาธารณะไม่ร้ายแรงได้อย่างไรเพราะต้องใช้กำลังตำรวจมากขนาดนี้

.............................
​เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
.............................
​ 
พิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ของนายตำรวจใหญ่บอกว่า “มาขอคืนพื้นที่ตามที่ เจ้าหน้าที่ธนารักษ์จังหวัดได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ” 
   
แสดงว่า กรมธนารักษ์  กระทรวงการคลังเป็น “ผู้เสียหาย” เพราะเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ ในคดีบุกรุกซึ่งเป็นคดีมีโทษทางอาญา

​ทำให้สงสัยคำว่า “ทางสาธารณะ” หมายถึงอะไรถึงทำให้ กรมธนารักษ์  เป็นผู้เสียหายในกรณีร้องทุกข์ ทางที่ใช้กันทั่วๆไปน่าจะมีผู้ดูแลคือ กรมทางหลวง ในพื้นที่ทางหลวงหรือ กรมทางหลวงชนบทในพื้นที่ทางหลวงชนบท หรือ อบต. ในพื้นที่ถนนในความดูแลของ อบต.ไม่ใช่หรือ  ???

แล้วกรมธนารักษ์มีหน้าที่ดูแลที่ราชพัสดุมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้ยังไง  หรือว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ราชพัสดุ เมื่อค้นดูก็พบกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้

          ​1.กฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์ เกี่ยวกับที่ราชพัสดุพ.ศ. ๒๕๔๕ ( ฉบับปรับปรุง )​

​          ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ รวมทั้งการปกครอง ดูแล และบำรุงรักษาที่ราชพัสดุ ให้กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินการแทนกระทรวงการคลังในเรื่องดังต่อไปนี้

           ​(๒) ดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ

​ดูกฎกระทรวงการคลังข้อนี้แล้วสรุปได้ว่า “ กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ” ​แล้วที่ราชพัสดุคือที่ไหนบ้าง  ที่ดินตรงนี้ต้องเป็นที่ราชพัสดุแน่ๆเลย กรมธนารักษ์จึงเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ค้นต่อพบพระราชบัญญัติ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 เขียนไว้ว่า

​มาตรา 4 ที่ราชพัสดุ หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิดเว้นแต่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังต่อไปนี้

           ​(1) ที่ดินรกร้างว่างเปล่าและที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน
           ​(2) อสังหาริมทรัพย์สำหรับพลเมืองใช้หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้น ว่าที่ ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ ส่วนอสังหาริมทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคล และขององค์ การปกครองท้องถิ่นไม่ถือว่าเป็นที่ราชพัสดุ

สรุป  ในช่วงนี้ได้ว่า กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ “ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 4(2) พระราชบัญญัติ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518” จึงไม่ใช่ผู้เสียหายในเรื่องนี้

ดังนั้น ที่นายตำรวจใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่า “มาทวงทางสาธารณะสมบัติคืนตามที่กรมธนารักษ์ร้องทุกข์”  น่าจะมีปัญหาแล้ว  เพราะกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ให้คำนิยามว่า

​           “ผู้เสียหาย” หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้


​และโดยหลักการดำเนินคดีทั่วไป

ผู้ที่จะดำเนินคดีได้คือ ผู้เสียหาย  
ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย  
ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา   
ผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายให้ดำเนินคดี   

ซึ่งจะเห็นได้ชัดเพราะตำรวจอ้างว่ามาตามที่มีผู้ร้องทุกข์ไม่ได้มาเองนะ ​จึงมีคำถามว่า เมื่อกรมธนารักษ์ไม่มีอำนาจดำเนินคดีในพื้นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน  จึงไม่เป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้  

ทำไมตำรวจจึงรับเรื่องราวร้องทุกข์กล่าวโทษจากกรมธนารักษ์ ตามที่นายตำรวจใหญ่ท่านนั้นให้สัมภาษณ์มาข้างต้น 

   >> การดำเนินการครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่  ??

   >> เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ?? 

เพราะตำรวจต้องรู้ดีว่าคนที่มีอำนาจให้ดำเนินคดีได้เป็นใคร   เมื่อคนร้องทุกข์ไม่มีอำนาจ ตำรวจใช้อำนาจอะไรมาขอคืนพื้นที่   

ถ้าเป็นอย่างนี้ทั้งกรมธนารักษ์และตำรวจ ที่เข้ามาดำเนินการโดยไม่มีอำนาจจะมีความผิดเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไหม ??

        เรื่องนี้น่าสนใจมากเพราะหากเกิดขึ้นกับตัวเราเองแล้วเราต้องตรวจสอบให้ชัดเจน  การที่ตำรวจเข้าดำเนินการใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไปครับ

​ส่วนกรณีศึกษาเรื่องการกล่าวหาว่าวัดพระธรรมกายบุกรุกที่สาธารณะ แล้วใครเป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดี ที่แท้จริง มีขั้นตอนดำเนินการที่ถูกต้องอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ

37 ความคิดเห็น:

  1. ถ้าเป็นศาสนาอื่น ได้ทุกกรณี ใช่ไหม ลองค้นgoogle คำว่า เขายายเที่ยง ศาสนา ดูนะ

    ตอบลบ
  2. กรณีธรรมกาย : ตำรวจขอคืนพื้นที่สาธารณะจากวัดพระธรรมกาย ทำได้หรือ ? ใครคือเจ้าทุกข์ !!!?

    ตอบลบ
  3. เรื่องนี้น่าสงสัยอยู่เหมือนกันนะ ตรงประเด็นที่ว่าทั้งกรมธนารักษ์และตำรวจ ที่เข้ามาดำเนินการโดยไม่มีอำนาจจะมีความผิดเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไหม

    ตอบลบ
  4. เรื่องนี้มีเงื่อนงำ จะได้เห็นกันว่า เมืองไทยเอาความถูกต้อง กฏหมายศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ หรือว่าทำไปตามคำบงการของอะไรสักอย่าง สักตัว

    ตอบลบ
  5. คงต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการกระทำของคุณ ต มันแปลกๆนะตั้งคดีขึ้นเองเป็นร้อยคดีนะทำได้จริงหรือแล้วมีความชอบธรรมแค่ใหนต่างหากสงสัยจัง

    ตอบลบ
  6. แจ่มแจ้งเลยครับ ขอบคุณทนายมากๆ

    ตอบลบ
  7. รู้แต่ว่า วันนั้นตำรวจเอาของวัดไป ถ้าตามกฏแห่งกรรม เจ้าหน้าที่ชุดนี้อย่างเบาที่สุดก็ได้เป็นเปรต เป็นทีมบกทีมค่ะ

    ตอบลบ
  8. ใจเย็นๆ รอฝนหยุดตกก่อนนะ

    ตอบลบ
  9. การกระทำของพวกท่าน!มันได้ฟ้องตัวเองไปทั่วประเทศและทั่วโลกแล้ว!รอก่อนนะเมื่อวันฟ้าเปลื่ยนสีพวกคุณจะโดนคนละหลายกระทง และเมื่อนั้นคงมีคนจะมอบคดีให้พวกท่านเหมือนที่มอบให้วัดพระธรรมกายเช่นกัน☺☺☺

    ตอบลบ
  10. กฏหมายมีไว้เพื่อผู้บริสุทธิ์ อยากให้กฏหมายศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ควรใช้กฏหมายรังแก่ผู้บริสุทธิ์นะครับ

    ตอบลบ
  11. ไม่น่าเชื่อว่าคนพาลนี่ ร้ายได้ใจเกินคำพรรณนา หาเรื่องทำชั่วได้อย่างไม่เกรงกลัวบาปและทำลายศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    ตอบลบ
  12. ไม่น่าเชื่อว่าคนพาลนี่ ร้ายได้ใจเกินคำพรรณนา หาเรื่องทำชั่วได้อย่างไม่เกรงกลัวบาปและทำลายศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    ตอบลบ
  13. กดขี่ข่มเหงไม่เกรงใจใคร แต่ทำกับวัดพระธรรมกายที่เดียวเหมือนมีใครสั่ง?

    ตอบลบ
  14. กดขี่ข่มเหงไม่เกรงใจใคร แต่ทำกับวัดพระธรรมกายที่เดียวเหมือนมีใครสั่ง?

    ตอบลบ
  15. คุณมี #ธง เรามี #ธรรม
    #ธรรมต้องชนะอธรรม

    ตอบลบ
  16. คุณมี #ธง เรามี #ธรรม
    #ธรรมต้องชนะอธรรม

    ตอบลบ
  17. นั่น น่ะสิครับ

    สวดมนต์วนไปครับ

    ตอบลบ
  18. เห็นชัดๆ ว่ารังแก ใส่ร้ายกัน แต่กลับให้ศาสนาอื่นทำผิดจริง..สังคมโลกเขารู้เขาเห็น อายเขานะ ขอความเป็นธรรมนะครับพี่น้อง!!!

    ตอบลบ
  19. น่าเสียดายกับงบประมาณที่รัฐบาลทุ่มทุนไปเพื่อจะจับหลวงพ่อธัมมชโยให้ได้เพียงรูปเดียว น่าจะเอาไปพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชนที่กำลังอดอยากยากจนจะมีประโยชน์กว่าไหม

    ตอบลบ
  20. น่าเสียดายกับงบประมาณที่รัฐบาลทุ่มทุนไปเพื่อจะจับหลวงพ่อธัมมชโยให้ได้เพียงรูปเดียว น่าจะเอาไปพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชนที่กำลังอดอยากยากจนจะมีประโยชน์กว่าไหม

    ตอบลบ
  21. ชาวพุทธช่วยกันซื้อคนละเล็กคนละน้อยนะ บางท่านปัจจัยน้อยแต่อยากได้บุญใหญ่ ทําบุญหมดตัวทั้งๆที่รู้ว่านํ้ามันรถเหลือไม่ถึงบ้าน เศรษฐกิจที่บ้านยํ่าแย่ นํ้ามันหมดเดินกลับบ้านด้วยความปลื้มถึงตี๒ ด้วยผลบุญมีที่ดินจนจําไม่หมด

    ตอบลบ
  22. ทำไม่ได้เพราะวัดพระธรรมกายไม่เคยทำผิดกฏหมาย ไม่ได้ทำผิดพระวินัย

    ตอบลบ
  23. บางคนไทยเผลอไปมิได้โง่
    บางคนโผล่ผิดที่มีสับสน
    บางคนคบเพื่อนพาลมารผจญ
    บางคนจนสุดท้ายได้มิตรดี
    บางเวลาผ่านไปกว่าจะคิด
    บางไปติดลาภยศว่าสุขศรี
    บางไปเชื่อเวรกรรมว่าไม่มี
    บางท่านที่ทำดีไม่เชื่อกัน
    บางคนหลงตัวเองสำคัญผิด
    บางคนคิดจนจิตติดเกินนั่น
    บางคนผิดเกินแก้ไปทุกวัน
    บางคนมั่นขั้นหมดเกินจะดี...

    ตอบลบ
  24. การมีอำนาจอยู่ในมือเพื่อปกป้องความไม่เป็นธรรมต่อประชาชนไม่ใช่ใช้อำนาจที่มีทำให้ประชาชนเดือดร้อน นะคะ

    ตอบลบ
  25. ประเทศนี้แทนที่ทางรัฐบาลจะปกป้องคุ้มครองประชาชน กลับตั้งตัวเองเป็นปฏิปักษ์กับประชาชนเสียเอง โดยอาศัยความไม่รู้กฎหมายของประชาชนและช่องโหว่ของกฎหมายเล่นงานประชาชนที่ไม่ใช่พวกพ้องตัวเองซะงั้น ประชาชนตาดำๆจะพึ่งใครดีน้อ

    ตอบลบ
  26. ควรให้ชื่อใหม่ว่า คดีหมาป่ากับลูกแกะ คือหาเรื่องเล่นงานไปหมดทุกเรื่องจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง กรรมของชาติที่มีผู้บริหารที่ไม่มีคุณธรรม

    ตอบลบ
  27. สงสัยจริงๆ ตำรวจทำเกินหน้าที่รึเปล่าครับ
    ถ้าทางสาธารณะไม่ใช่ที่ราชพัสดุ แล้วยกกำลังมาเกือบพันนายเพื่ออะไร???

    ตอบลบ
  28. การมีกฏหมาย เพื่อความสงบสุขของพลเมือง

    แต่ถ้าผู้ใช้กฏหมาย นำมาใช้ผิด

    จะเป็นความทุกข์ความวุ่นวายของบ้านเมือง

    ตอบลบ
  29. ถ้าตำรวจทำเกินหน้าที่จริงๆๆ. แล้วใครจะเป็นคนจับตำรวจละ. เออ! น่าคิดน๊ะ

    ตอบลบ
  30. คุณอาจหนีความผิดได้ แล้วใช้กฎหมายผิดๆกับพระได้ แต่คนที่ทำ หนีกฎแห่งกรรมไม่พ้นเอย.

    ตอบลบ
  31. ไม่ระบุชื่อ4 มกราคม 2560 เวลา 22:31

    มีใบสั่งชัวร์

    ตอบลบ