-----------------------------------------------
ผมเกิดพุทธศตวรรษที่24 ในยุคถิ่นกาขาว มีความรู้กฎหมายไทยพื้นฐานเหมือนทุกท่านที่ต้องรู้ มีใบอนุญาตให้เป็นทนายความ แต่ไม่ประกอบอาชีพทนายความ
สาเหตุที่ศึกษากฎหมายเพราะได้อ่านหนังสือพบ หลักกฎหมายไทยว่า “ความไม่รู้กฎหมาย จะอ้างเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้” แม้จะมีข้อยกเว้นบางประการให้ยกขึ้นอ้างได้และพิสูจน์ได้ว่าไม่รู้กฎหมายจริง ก็เป็นเหตุให้เพียงลดโทษเท่านั้น ศาลจะไม่ลงโทษเลยไม่ได้
สรุป คือจะรู้กฎหมายหรือไม่ก็ตาม
หากกระทำความผิดต้องถูกลงโทษ
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก
จึงต้องศึกษากฎหมายไว้ป้องกันตัว
และให้เป็นวิทยาทานแก่คนที่ไม่รู้
...........................................
จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนเรื่องนี้ขึ้น
โดยอาศัยข้อมูลจากข่าวสาร
ที่เผยแผ่ทั่วไปในปัจจุบัน
วันนี้ข่าวที่ใหญ่ที่สุดเป็นที่รู้กันทั่วไปทั่วโลกเพราะมีการลงในสื่อมากมายและเป็นมานานซึ่งจะทำให้ทุกคนเข้าใจความเป็นมาได้ง่ายคือข่าวของวัดพระธรรมกาย
ผมจะขอเริ่มด้วยการ
ขอคืนพื้นที่สาธารณะ
ของตำรวจจากวัดพระธรรมกาย
เพราะบังเอิญผมมีทีดินติดถนนสาธารณะอยู่แปลงหนึ่งและเชื่อว่าหลายท่านคงอาจสนใจเรื่องนี้เพราะโดยปกติที่ดินติดถนนสาธารณะหรือพื้นที่สาธารณะย่อมเป็นที่ดินที่สวยงาม ใช้ประโยชน์ได้มาก และมีลักษณะพิเศษในตัวที่อาจทำให้เราทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัวได้ครับ
จากข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ที่เขียนว่า มีนายตำรวจผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเปิดเผยถึง กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 กว่า 5 กองร้อย และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังขอคืนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกายตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ว่า “วันนี้เป็นปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ทางสาธารณะที่อยู่ในบริเวณใกล้กับวัดพระธรรมกาย ตามที่เจ้าหน้าที่ธนารักษ์จังหวัดได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ”
คำว่าพื้นที่ทางสาธารณะทำให้นึกถึงทีดินติดถนนสาธารณะของผมเอง และเมื่อดูคำให้สัมภาษณ์แล้วคิดว่า คดีบุกรุกที่สาธารณะที่ทำให้ตำรวจต้องมาขอพื้นที่คืนต้องเป็นคดีที่มีความผิดร้ายแรงมีโทษสูงมากทีเดียว เพราะต้องใช้กำลังตำรวจในการขอคืนพื้นที่มากกว่า 5 กองร้อย และยังมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมกำลังทหารอีกต่างหาก
สงสัยไหมครับว่า กำลังกว่า 5 กองร้อยมากแค่ไหน เท่าที่รู้มาเขาคิดอย่างนี้ครับ การจัดกำลังพลของทหาร 1 กองร้อยมีทหาร 176 คน ถ้าเป็นตำรวจ 1 กองร้อย จะมีตำรวจ 150 คน ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลทั่วไปหาดูได้ตามสื่อครับ
จากข่าวการให้สัมภาษณ์ซึ่งไม่แน่ชัดว่าใช้กำลังส่วนไหนเท่าไหร่ เอาเป็นว่าใช้ตำรวจ 5 กองร้อยตามที่นายตำรวจใหญ่ให้สัมภาษณ์มาก็แล้วกัน ทำให้ คำนวณเฉพาะกำลังตำรวจ ได้ (5*150) 750 คน ไม่รวมส่วนที่มากกว่า และเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ กับทหารนะครับ
เรื่องบุกรุกที่ดินสาธารณะไม่ร้ายแรงได้อย่างไรเพราะต้องใช้กำลังตำรวจมากขนาดนี้
.............................
เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
.............................
พิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ของนายตำรวจใหญ่บอกว่า “มาขอคืนพื้นที่ตามที่ เจ้าหน้าที่ธนารักษ์จังหวัดได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ”
แสดงว่า กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังเป็น “ผู้เสียหาย” เพราะเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ ในคดีบุกรุกซึ่งเป็นคดีมีโทษทางอาญา
ทำให้สงสัยคำว่า “ทางสาธารณะ” หมายถึงอะไรถึงทำให้ กรมธนารักษ์ เป็นผู้เสียหายในกรณีร้องทุกข์ ทางที่ใช้กันทั่วๆไปน่าจะมีผู้ดูแลคือ กรมทางหลวง ในพื้นที่ทางหลวงหรือ กรมทางหลวงชนบทในพื้นที่ทางหลวงชนบท หรือ อบต. ในพื้นที่ถนนในความดูแลของ อบต.ไม่ใช่หรือ ???
แล้วกรมธนารักษ์มีหน้าที่ดูแลที่ราชพัสดุมาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ได้ยังไง หรือว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ราชพัสดุ เมื่อค้นดูก็พบกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังนี้
1.กฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์ เกี่ยวกับที่ราชพัสดุพ.ศ. ๒๕๔๕ ( ฉบับปรับปรุง )
ข้อ ๑๑ เพื่อประโยชน์ในการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ รวมทั้งการปกครอง ดูแล และบำรุงรักษาที่ราชพัสดุ ให้กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินการแทนกระทรวงการคลังในเรื่องดังต่อไปนี้
(๒) ดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ
ดูกฎกระทรวงการคลังข้อนี้แล้วสรุปได้ว่า “ กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ” แล้วที่ราชพัสดุคือที่ไหนบ้าง ที่ดินตรงนี้ต้องเป็นที่ราชพัสดุแน่ๆเลย กรมธนารักษ์จึงเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ค้นต่อพบพระราชบัญญัติ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518 เขียนไว้ว่า
มาตรา 4 ที่ราชพัสดุ หมายความว่า อสังหาริมทรัพย์อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินทุกชนิดเว้นแต่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ดังต่อไปนี้
(1) ที่ดินรกร้างว่างเปล่าและที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน
(2) อสังหาริมทรัพย์สำหรับพลเมืองใช้หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ของพลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นต้น ว่าที่ ชายตลิ่ง ทางน้ำ ทางหลวง ทะเลสาบ ส่วนอสังหาริมทรัพย์ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นนิติบุคคล และขององค์ การปกครองท้องถิ่นไม่ถือว่าเป็นที่ราชพัสดุ
สรุป ในช่วงนี้ได้ว่า กรมธนารักษ์มีอำนาจดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา คดีปกครอง และคดีอื่นๆเกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และทรัพย์สินในที่ราชพัสดุ “ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามมาตรา 4(2) พระราชบัญญัติ ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2518” จึงไม่ใช่ผู้เสียหายในเรื่องนี้
ดังนั้น ที่นายตำรวจใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่า “มาทวงทางสาธารณะสมบัติคืนตามที่กรมธนารักษ์ร้องทุกข์” น่าจะมีปัญหาแล้ว เพราะกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ให้คำนิยามว่า
“ผู้เสียหาย” หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหาย เนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้
และโดยหลักการดำเนินคดีทั่วไป
ผู้ที่จะดำเนินคดีได้คือ ผู้เสียหาย
ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหาย
ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายอาญา
ผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายให้ดำเนินคดี
ซึ่งจะเห็นได้ชัดเพราะตำรวจอ้างว่ามาตามที่มีผู้ร้องทุกข์ไม่ได้มาเองนะ จึงมีคำถามว่า เมื่อกรมธนารักษ์ไม่มีอำนาจดำเนินคดีในพื้นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน จึงไม่เป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้
ทำไมตำรวจจึงรับเรื่องราวร้องทุกข์กล่าวโทษจากกรมธนารักษ์ ตามที่นายตำรวจใหญ่ท่านนั้นให้สัมภาษณ์มาข้างต้น
>> การดำเนินการครั้งนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ??
>> เป็นการเริ่มต้นที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ??
เพราะตำรวจต้องรู้ดีว่าคนที่มีอำนาจให้ดำเนินคดีได้เป็นใคร เมื่อคนร้องทุกข์ไม่มีอำนาจ ตำรวจใช้อำนาจอะไรมาขอคืนพื้นที่
ถ้าเป็นอย่างนี้ทั้งกรมธนารักษ์และตำรวจ ที่เข้ามาดำเนินการโดยไม่มีอำนาจจะมีความผิดเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไหม ??
เรื่องนี้น่าสนใจมากเพราะหากเกิดขึ้นกับตัวเราเองแล้วเราต้องตรวจสอบให้ชัดเจน การที่ตำรวจเข้าดำเนินการใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไปครับ
ส่วนกรณีศึกษาเรื่องการกล่าวหาว่าวัดพระธรรมกายบุกรุกที่สาธารณะ แล้วใครเป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดี ที่แท้จริง มีขั้นตอนดำเนินการที่ถูกต้องอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ
ถ้าเป็นศาสนาอื่น ได้ทุกกรณี ใช่ไหม ลองค้นgoogle คำว่า เขายายเที่ยง ศาสนา ดูนะ
ตอบลบกรณีธรรมกาย : ตำรวจขอคืนพื้นที่สาธารณะจากวัดพระธรรมกาย ทำได้หรือ ? ใครคือเจ้าทุกข์ !!!?
ตอบลบเรื่องนี้น่าสงสัยอยู่เหมือนกันนะ ตรงประเด็นที่ว่าทั้งกรมธนารักษ์และตำรวจ ที่เข้ามาดำเนินการโดยไม่มีอำนาจจะมีความผิดเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไหม
ตอบลบเรื่องนี้มีเงื่อนงำ จะได้เห็นกันว่า เมืองไทยเอาความถูกต้อง กฏหมายศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ หรือว่าทำไปตามคำบงการของอะไรสักอย่าง สักตัว
ตอบลบคงต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าการกระทำของคุณ ต มันแปลกๆนะตั้งคดีขึ้นเองเป็นร้อยคดีนะทำได้จริงหรือแล้วมีความชอบธรรมแค่ใหนต่างหากสงสัยจัง
ตอบลบแจ่มแจ้งเลยครับ ขอบคุณทนายมากๆ
ตอบลบรู้แต่ว่า วันนั้นตำรวจเอาของวัดไป ถ้าตามกฏแห่งกรรม เจ้าหน้าที่ชุดนี้อย่างเบาที่สุดก็ได้เป็นเปรต เป็นทีมบกทีมค่ะ
ตอบลบใจเย็นๆ รอฝนหยุดตกก่อนนะ
ตอบลบการกระทำของพวกท่าน!มันได้ฟ้องตัวเองไปทั่วประเทศและทั่วโลกแล้ว!รอก่อนนะเมื่อวันฟ้าเปลื่ยนสีพวกคุณจะโดนคนละหลายกระทง และเมื่อนั้นคงมีคนจะมอบคดีให้พวกท่านเหมือนที่มอบให้วัดพระธรรมกายเช่นกัน☺☺☺
ตอบลบกฏหมายมีไว้เพื่อผู้บริสุทธิ์ อยากให้กฏหมายศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ควรใช้กฏหมายรังแก่ผู้บริสุทธิ์นะครับ
ตอบลบทำดีย่อมได้ดี
ตอบลบทำดีย่อมได้ดี
ตอบลบกฏแห่งมีจริง...
ตอบลบไม่น่าเชื่อว่าคนพาลนี่ ร้ายได้ใจเกินคำพรรณนา หาเรื่องทำชั่วได้อย่างไม่เกรงกลัวบาปและทำลายศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ตอบลบไม่น่าเชื่อว่าคนพาลนี่ ร้ายได้ใจเกินคำพรรณนา หาเรื่องทำชั่วได้อย่างไม่เกรงกลัวบาปและทำลายศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ตอบลบกดขี่ข่มเหงไม่เกรงใจใคร แต่ทำกับวัดพระธรรมกายที่เดียวเหมือนมีใครสั่ง?
ตอบลบกดขี่ข่มเหงไม่เกรงใจใคร แต่ทำกับวัดพระธรรมกายที่เดียวเหมือนมีใครสั่ง?
ตอบลบคุณมี #ธง เรามี #ธรรม
ตอบลบ#ธรรมต้องชนะอธรรม
คุณมี #ธง เรามี #ธรรม
ตอบลบ#ธรรมต้องชนะอธรรม
นั่น น่ะสิครับ
ตอบลบสวดมนต์วนไปครับ
มันจะอี้
ตอบลบเห็นชัดๆ ว่ารังแก ใส่ร้ายกัน แต่กลับให้ศาสนาอื่นทำผิดจริง..สังคมโลกเขารู้เขาเห็น อายเขานะ ขอความเป็นธรรมนะครับพี่น้อง!!!
ตอบลบน่าเสียดายกับงบประมาณที่รัฐบาลทุ่มทุนไปเพื่อจะจับหลวงพ่อธัมมชโยให้ได้เพียงรูปเดียว น่าจะเอาไปพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชนที่กำลังอดอยากยากจนจะมีประโยชน์กว่าไหม
ตอบลบน่าเสียดายกับงบประมาณที่รัฐบาลทุ่มทุนไปเพื่อจะจับหลวงพ่อธัมมชโยให้ได้เพียงรูปเดียว น่าจะเอาไปพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชนที่กำลังอดอยากยากจนจะมีประโยชน์กว่าไหม
ตอบลบชาวพุทธช่วยกันซื้อคนละเล็กคนละน้อยนะ บางท่านปัจจัยน้อยแต่อยากได้บุญใหญ่ ทําบุญหมดตัวทั้งๆที่รู้ว่านํ้ามันรถเหลือไม่ถึงบ้าน เศรษฐกิจที่บ้านยํ่าแย่ นํ้ามันหมดเดินกลับบ้านด้วยความปลื้มถึงตี๒ ด้วยผลบุญมีที่ดินจนจําไม่หมด
ตอบลบทำไม่ได้เพราะวัดพระธรรมกายไม่เคยทำผิดกฏหมาย ไม่ได้ทำผิดพระวินัย
ตอบลบบางคนไทยเผลอไปมิได้โง่
ตอบลบบางคนโผล่ผิดที่มีสับสน
บางคนคบเพื่อนพาลมารผจญ
บางคนจนสุดท้ายได้มิตรดี
บางเวลาผ่านไปกว่าจะคิด
บางไปติดลาภยศว่าสุขศรี
บางไปเชื่อเวรกรรมว่าไม่มี
บางท่านที่ทำดีไม่เชื่อกัน
บางคนหลงตัวเองสำคัญผิด
บางคนคิดจนจิตติดเกินนั่น
บางคนผิดเกินแก้ไปทุกวัน
บางคนมั่นขั้นหมดเกินจะดี...
ชอบมากกลอนบทนี้
ลบการมีอำนาจอยู่ในมือเพื่อปกป้องความไม่เป็นธรรมต่อประชาชนไม่ใช่ใช้อำนาจที่มีทำให้ประชาชนเดือดร้อน นะคะ
ตอบลบประเทศนี้แทนที่ทางรัฐบาลจะปกป้องคุ้มครองประชาชน กลับตั้งตัวเองเป็นปฏิปักษ์กับประชาชนเสียเอง โดยอาศัยความไม่รู้กฎหมายของประชาชนและช่องโหว่ของกฎหมายเล่นงานประชาชนที่ไม่ใช่พวกพ้องตัวเองซะงั้น ประชาชนตาดำๆจะพึ่งใครดีน้อ
ตอบลบควรให้ชื่อใหม่ว่า คดีหมาป่ากับลูกแกะ คือหาเรื่องเล่นงานไปหมดทุกเรื่องจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง กรรมของชาติที่มีผู้บริหารที่ไม่มีคุณธรรม
ตอบลบสงสัยจริงๆ ตำรวจทำเกินหน้าที่รึเปล่าครับ
ตอบลบถ้าทางสาธารณะไม่ใช่ที่ราชพัสดุ แล้วยกกำลังมาเกือบพันนายเพื่ออะไร???
การมีกฏหมาย เพื่อความสงบสุขของพลเมือง
ตอบลบแต่ถ้าผู้ใช้กฏหมาย นำมาใช้ผิด
จะเป็นความทุกข์ความวุ่นวายของบ้านเมือง
ถ้าตำรวจทำเกินหน้าที่จริงๆๆ. แล้วใครจะเป็นคนจับตำรวจละ. เออ! น่าคิดน๊ะ
ตอบลบคุณอาจหนีความผิดได้ แล้วใช้กฎหมายผิดๆกับพระได้ แต่คนที่ทำ หนีกฎแห่งกรรมไม่พ้นเอย.
ตอบลบใครสั่งมา
ตอบลบมีใบสั่งชัวร์
ตอบลบ